งานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายในการเตรียมผ้าฝ้ายเคลือบด้วยคอมพอสิตระหว่าง ไคโตซาน/มอนต์มอริลโลไนต์ เพื่อให้ผ้าฝ้ายมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เตรียมคอมพอสิตจากไคโตซาน และมอนต์มอริลโลไนต์ ด้วยกระบวนการแลกเปลี่ยนไอออน ใช้อัตราส่วน 2:1 (ไคโตซาน : มอนต์มอริลโลไนต์) จากนั้นนำผ้าฝ้ายมาเคลือบด้วยคอมพอสิต โดยวิธีการจุ่มเคลือบ ด้วยจำนวนรอบในการเคลือบ 1, 5 และ 10 รอบ วิเคราะห์ลักษณะของผ้าฝ้ายเคลือบคอมพอสิต ด้วยเทคนิค Fourier-transform infrared spectrometer (FT-IR) และวิเคราะห์สัณฐานวิทยาของผ้าฝ้ายเคลือบคอมพอสิต ด้วย Scanning Electron Microscope (SEM) พบว่าคอมพอสิตสามารถยึดเกาะบนผ้าฝ้ายได้ดี การทดสอบประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียด้วยมาตรฐาน AATCC 100-2004 พบว่าผ้าฝ้ายที่เคลือบคอมพอสิตจำนวน 5 และ 10 รอบ มีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli และ Staphylococcus aureus โดยให้ค่าการลดลงของเชื้อแบคทีเรียร้อยละ 95 - 99.9 และเมื่อทดสอบความคงทนต่อการซัก 5 รอบ พบว่าผ้าฝ้ายเคลือบด้วยคอมพอสิตสามารถยับยั้ง Escherichia coli ได้ร้อยละ 28 และ Staphylococcus aureus ได้ร้อยละ 35

This research targets to prepare coated cotton fabrics with chitosan (CS)- montmorillonite (MMT) composites to improve antibacterial activity. Chitosan- montmorillonite (CS-MMT) composites was prepared by ion exchange technique, mass ration 2:1 (chitosan : montmorillonite). Cotton fabrics were coated with CS-MMT composite by dipping and dried in a hot air oven. Different numbers of coated (1, 5 and 10). The chemical composition of coated cotton fabric with CS-MMT composite was analyzed by Fourier Transform Infrared Spectrometer (FTIR) and the morphology was observed by Scanning Electron Microscope (SEM). The result showed that CS-MMT composite could be attaching to cotton fabrics. The antibacterial activity was assessed quantitatively using the AATCC 100 : 2004 test method. The result was found that the cotton coated with composites 5 and 10 coated cycles show 95-99 % microbial reduction against. After 5 washing cycles, the CS-MMT composite retain on cotton fabric with antibacterial activity up to 28 % for Escherichia coli and 35 % for Staphylococcus aureus.