การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21 และ 2) ทดลองใช้รูปแบบนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ในยุคศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาในเขตพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานี ดำเนินการวิจัยตามระเบียบวีการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method Research) โดยดำเนินการวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อพัฒนารูปแบบนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21 มีกลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรครูจำนวน 30 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบกึ่งมีโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) จากนั้นดำเนินการวิจัยเชิงทดลองเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของรูปแบบนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21 กับกลุ่มทดลองคือนักเรียนระดับมัธยมศึกษาทั้งหมด 5 กลุ่ม มีจำนวนรวม 239 คน โดยใช้แผนการทดลองแบบหนึ่งกลุ่มทดสอบก่อนและหลังเรียน (One Group Pretest Posttest Design) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ รูปแบบนวัตกรรมการ จัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบทีแบบกลุ่มสัมพันธ์ (Dependent Sample t-test) ผลการวิจัยพบว่า

1. รูปแบบนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วยส่วนประกอบที่สำคัญ คือ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ องค์ประกอบ เนื้อหา กระบวนการจัดการเรียนการสอน ระยะเวลา และการประเมินผลสัมฤทธิ์

2. ประสิทธิภาพของรูปแบบนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21 จากการทดลองกับกลุ่มทดลอง 5 กลุ่ม มีค่าเท่ากับ 67.16/76.5, 73.9/77.85, 93.32/53.65, 78.76/71.45 และ 52.20/84.75 ตามลำดับ

3. หลังการเรียนด้วยรูปแบบนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21 พบว่ากลุ่มทดลองทั้ง 5 กลุ่ม มีผลการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ที่ระดับนัยสำคัญ .01

จึงสรุปได้ว่ารูปแบบนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อรองรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21 มีความ เหมาะสมในการนำไปเป็นแนวทางสำหรับการจัดการเรียนรู้ระดับชั้นมัธยมศึกษาในยุคดิจิทัล ต่อไป

The objectives of this research were 1) to develop an innovative model of learning management to support 21st century education and 2) to test an innovative model of learning management in the 21st century on secondary education institutions in the Ubon Ratchathani Province. Research methodology according to mixed method research. The qualitative research was used to develop the innovative learning management models, a target group is 30 teachers, research instrument was semi-structured in-depth interview, data were analyzed by content analysis. Then, an experimental research was used to evaluate the effectiveness of the innovative learning management model, an experimental group consisting of 5 groups as secondary school students with a total number of 239 students, the One Group Pretest Posttest Design was used to experimental plan, the research instrument was the innovative model, data were analyzed by statistics such as mean, standard deviation and the dependent Sample t-test. The results showed that

1. An innovative model of learning management to support education in the 21st century consists of important components: principles and reasons, objectives, components, content, teaching and learning process, duration, and achievement evaluation.

2 . The efficiency of the innovative learning management model to support education in the 21st century from 5 experimental groups were 67.16/76.5, 73.9/77.85, 93.32/53.65, 78.76/71.45 and 52.20/84.75.

3 . After studying with the innovative learning management model to support education in the 21st century, it was found that the 5 experimental groups had significantly higher grades at a significance level of .01.

In conclusion the model is suitable to be used as a guideline for learning management at the secondary school level in the digital era.