การวิจัยเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเชิง สุขภาพสำหรับผู้สูงอายุโดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามบริบทอีสาน ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาบริบทของชุมชน และพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ขั้นตอนที่ 2 สังเคราะห์รูปแบบการจัดการ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุโดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามบริบทอีสาน ขั้นตอนที่ 3 ประเมินผลลัพธ์ของรูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขั้นตอนที่ 4 คืนข้อมูลรับฟัง ข้อเสนอแนะจากคณะทำงานเพื่อปรับปรุง กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย นักท่องเที่ยวสูงอายุจำนวน 30 คน และผู้นำชุมชน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสำรวจบริบทชุมชน แบบสอบถามพฤติกรรมส่งเสริม สุขภาพ ผลลัพธ์ทางคลินิกและแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา และสถิติ paired sample t-Test

ผลการศึกษาพบว่า บริบทของชุมชน เป็นชุมชนที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีประเพณี และสถาปัตยกรรมโบราณที่น่าสนใจอันอุดมไปด้วยคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวอายุเฉลี่ย 63 ปี ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 73.34 ป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงร้อยละ 25 รายได้เฉลี่ย 1,500 บาท/เดือน รูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ใช้ทุนจากประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นร่วมกับการส่งเสริมสุขภาพโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมใช้ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ภายหลังการเข้าร่วมกิจกรรมนักท่องเที่ยวสูงอายุมีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย และการจัดการกับความเครียด เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ค่าเฉลี่ยระดับความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และความพึงพอใจอยู่ในระดับอยู่ในระดับมากที่สุด

สรุป รูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ควรส่งเสริมการใช้ต้นทุนจากขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชนโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

The objectives of this action research were to development of health tourism management model for the elderly by leading sufficiency economy philosophy according to The Isaan context. The first step: to study the context of the community and health behaviors of the elderly. The second step: to synthesize the health tourism management model for the elderly by leading sufficiency economy philosophy according to The Isaan context. The third step: to study outcome of the health tourism management model. And the fourth step: to retrieve the data and listen reverberation from the committee in order to adjust the health tourism management model. The sample consists of 3 0 elderly tourists and community leaders. Data were collected using a community context survey, health promoting behavior questionnaire and satisfaction assessment forms. Content analysis and statistics paired sample t-Test.

Results of the study showed that community context had the potential to develop into a health tourism destination with traditions and interesting ancient architecture that was rich in artistic and cultural values. Most of the tourists were female (25%), average age of 63 years, average income of 1,500 baht/month. Have diabetes and hypertension. Health tourism management model for the elderly used capital from traditions good local culture together with health promotion based on the sufficiency economy philosophy. Activities take 3 days 2 nights. After joining the activities, the elderly tourists had nutritional health promoting behaviors, exercise, and dealing with stress increased statistically at the .05 level. Mean blood pressure level and mean FBS level decreased significantly at the level of .05 and the satisfaction was at a highest level.

Conclusion: The health tourism management model for the elderly should be used of costs from customs, traditions, and cultures of the community based on sufficiency economic concept.